BlogPensook Digital SolutionHandbookHandBook ขั้นตอนการใช้งานจาก WordPress สำเร็จรูปของ Pensook

HandBook ขั้นตอนการใช้งานจาก WordPress สำเร็จรูปของ Pensook

คู่มือฉบับนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งาน WordPress ได้อย่างราบรื่นและมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการสร้างหน้าร้านออนไลน์ นักเขียนที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มสำหรับบล็อก หรือนักพัฒนาที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ WordPress คู่มือนี้มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ

1.Hosting

บริการพื้นที่เก็บไฟล์เว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เข้าสู่ Control Panel (cPanel)

      • ใช้ URL ที่ได้รับจากผู้ให้บริการ (มักจะเป็น https://yourdomain.com:2083 หรือ https://serverip:2083)
      • กรอก username และ password ที่ได้รับจากผู้ให้บริการ

ภายใน cPanel คุณสามารถ

      • จัดการไฟล์: ใช้ File Manager เพื่ออัปโหลด แก้ไข หรือลบไฟล์เว็บไซต์
      • จัดการฐานข้อมูล: สร้างและจัดการฐานข้อมูล MySQL สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ CMS หรือแอปพลิเคชันที่ต้องการฐานข้อมูล
      • ตั้งค่าอีเมล: สร้างและจัดการบัญชีอีเมลสำหรับโดเมนของคุณ
      • SSL: ติดตั้งและจัดการใบรับรองความปลอดภัย SSL เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้เว็บไซต์

คำแนะนำเพิ่มเติม

      • ตรวจสอบพื้นที่และแบนด์วิดธ์ที่ใช้งานเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกินขีดจำกัดของแพ็คเกจ
      • ตั้งค่าการสำรองข้อมูลอัตโนมัติเพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล
      • อัปเดตซอฟต์แวร์และ CMS ที่ใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย

2.Domain

Domain คือชื่อเว็บไซต์ของคุณ (เช่น www.yourwebsite.com) ที่ใช้แทนที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์

เข้าสู่ระบบผู้ให้บริการจดทะเบียน Domain

      • ใช้ลิงก์ที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ (เช่น login.namecheap.com สำหรับ Namecheap)
      • ล็อกอินด้วยข้อมูลบัญชีของคุณ

ตรวจสอบและต่ออายุ Domain

      • ตรวจสอบวันหมดอายุของ Domain ในแดชบอร์ด
      • ตั้งค่าการต่ออายุอัตโนมัติหรือต่ออายุด้วยตนเองเมื่อใกล้ถึงกำหนด
      • คำแนะนำ: ต่ออายุล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

ปรับแต่ง DNS Settings

      • DNS (Domain Name System) เชื่อมโยง Domain กับ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์เว็บไซต์
      • โดยทั่วไป ผู้ให้บริการจะตั้งค่าเริ่มต้นให้ แต่คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนหาก:
      • ย้ายเว็บไซต์ไปยังโฮสติ้งใหม่
      • ต้องการใช้บริการอีเมลภายนอก
      • ต้องการเพิ่ม subdomain

คำแนะนำเพิ่มเติม

      • เปิดใช้งาน WHOIS Privacy เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ
      • พิจารณาล็อค Domain เพื่อป้องกันการโอนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
      • หากใช้ Domain สำหรับอีเมล ตรวจสอบและตั้งค่า MX Records ให้ถูกต้อง

3.WordPress

แนะนำ WordPress เบื้องต้น

WordPress คือแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้งานง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้มือใหม่หรือมืออาชีพ คุณสามารถจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก WordPress มีระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่ช่วยให้คุณเพิ่ม, แก้ไข, และจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการเขียนโค้ด

เว็บไซต์ของคุณถูกออกแบบโดยทีมงานเราและปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจ ทั้งนี้ WordPress ยังมีระบบปลั๊กอิน (Plugins) ที่ช่วยเพิ่มฟังก์ชันการทำงาน เช่น การจัดการ SEO การสร้างฟอร์มการติดต่อ และอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ WordPress เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพัฒนาเว็บไซต์

การเริ่มต้นใช้งาน

เพื่อเริ่มต้นใช้งานเว็บไซต์ WordPress ของคุณ ให้เปิดเบราว์เซอร์และพิมพ์ URL ที่ได้รับจากเรา ซึ่งจะมีลักษณะดังนี้ yourwebsite.com/wp-admin URL นี้จะนำคุณไปสู่หน้าล็อกอินที่คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อจัดการเว็บไซต์ได้

เมื่อ Log-in เข้ามาจะพบกับหน้าต่างนี้

กรอกชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ทีมงานได้จัดส่งให้คุณ เมื่อคุณคลิกปุ่ม Log In คุณจะเข้าสู่หน้า Dashboard ซึ่งเป็นหน้าจัดการหลักของ WordPress ภายใน Dashboard นี้ คุณจะพบเมนูต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการทุกส่วนของเว็บไซต์ได้

ในเมนูด้านซ้าย คุณจะเห็นเมนูหลัก เช่น Posts สำหรับจัดการบล็อก Pages สำหรับจัดการหน้าเว็บไซต์ Media สำหรับอัปโหลดสื่อ เช่น รูปภาพและวิดีโอ Plugins สำหรับจัดการฟังก์ชันเสริม และ Rank Math สำหรับการจัดการ SEO ของเว็บไซต์

การจัดการคอนเทนต์ (Pages & Blogs)

หากคุณต้องการสร้างหน้าใหม่สำหรับเว็บไซต์ เช่น หน้า “เกี่ยวกับเรา” หรือหน้า “บริการ” ให้ไปที่เมนู Pages แล้วคลิกที่ปุ่ม Add New หน้านี้จะเป็นหน้าที่คุณสามารถออกแบบและใส่เนื้อหาตามที่ต้องการ

ใส่ชื่อของหน้า (Page Title) ในส่วนแรกของหน้าจอ ตัวอย่างเช่น คุณอาจใส่ชื่อว่า “เกี่ยวกับเรา” หรือ “บริการของเรา” จากนั้นใช้ Block Editor ใน WordPress ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณจัดวางเนื้อหาผ่านการใช้ “Blocks” ได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถเพิ่มข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และองค์ประกอบอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

หลังจากใส่เนื้อหาทั้งหมดแล้ว ตรวจสอบดูว่าเนื้อหาถูกต้องและน่าสนใจ จากนั้นคลิกปุ่ม Publish ที่อยู่ด้านขวาบนของหน้าจอเพื่อเผยแพร่หน้านั้นลงบนเว็บไซต์ หรือถ้าคุณยังไม่พร้อมเผยแพร่ คุณสามารถคลิก Save Draft เพื่อบันทึกเป็นร่างก่อน

หากคุณต้องการสร้างโพสต์บล็อก ให้ไปที่เมนู Posts และทำตามขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน โดยเริ่มต้นจากการคลิกปุ่ม Add New จากนั้นใช้ Block Editor เพื่อเพิ่มเนื้อหาและภาพประกอบในบล็อกโพสต์ของคุณ

เทคนิคขั้นตอนคัดลอกคอนเทนต์แบบรวดเร็ว

หากคุณต้องการสร้างโพสต์บล็อกที่การจัดวางคล้ายกันและไม่ต้องสร้างใหม่ให้เสียเวลา ให้ไปที่เมนู Posts และทำตามขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน โดยเริ่มต้นจากการคลิกปุ่ม Clone จากนั้นทำการแก้ไขผ่าน Elementor เป็นตัวช่วยจัดเรียงเนื้อหาแบบ Drag & Drop โดยเข้าใช้งานดังวิธีต่อไปนี้

การแก้ไขผ่าน Elementor

เมื่อเข้าสู่หน้า Elementor แล้วจะพบเห็นมีเครื่องมือด้านซ้ายที่จะเป็นเนื้อหาของเราเช่น Picture Heading Paragraph Icon ต่างๆ ลูกค้าสามารถลากลง Canvas ตรงกลางได้เลยตามรูปภาพตามเนื้อหาที่ต้องการเขียนเมื่อทำการเขียนเสร็จสิ้นแล้วสามารถ Post ลงได้โดยปุ่มขวาบน

การใช้งาน Rank Math SEO

ในส่วนนี้ คุณสามารถใส่ Focus Keyword หรือคำสำคัญหลักที่คุณต้องการเน้นในการค้นหา ตัวอย่างเช่น หากโพสต์เกี่ยวกับ “การออกแบบเว็บไซต์” คุณควรใช้คำนี้เป็นคีย์เวิร์ดหลัก Rank Math จะวิเคราะห์หน้าและให้คะแนนพร้อมคำแนะนำสำหรับการปรับปรุง

ปรับปรุง Meta Title และ Meta Description เพื่อให้หน้าของคุณดึงดูดผู้ใช้ในผลการค้นหา Google Meta Title ควรสั้น กระชับ และใส่คำสำคัญ ส่วน Meta Description ควรเป็นประโยคสรุปเนื้อหาที่ดึงดูดให้คลิกเข้าไปชม

คุณยังสามารถปรับแต่ง Schema Markup เพื่อช่วยให้ข้อมูลของคุณแสดงผลในรูปแบบที่ดีกว่าในผลการค้นหา และตั้งค่า Social Media Snippets เพื่อให้โพสต์ของคุณแสดงผลอย่างเหมาะสมเมื่อแชร์ไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ

การนำเข้าไฟล์สื่อ (Media)

การนำเข้าไฟล์สื่อใน WordPress ง่ายมาก เพียงไปที่เมนู Media > Add New ในหน้าจอนี้คุณสามารถลากและวางไฟล์ที่ต้องการอัปโหลดจากคอมพิวเตอร์ของคุณได้โดยตรง หรือคลิกปุ่มเพื่อเลือกไฟล์จากเครื่องของคุณ

คุณสามารถนำเข้าไฟล์รูปภาพ, วิดีโอ, เสียง, หรือเอกสารต่าง ๆ โดยไฟล์เหล่านี้จะถูกจัดเก็บใน Media Library ซึ่งคุณสามารถค้นหาและนำมาใช้งานได้ในภายหลัง นามสกุลไฟล์ที่รองรับได้แก่ .jpg, .png, .gif, .mp4, .pdf และอื่น ๆ

คุณสามารถนำเข้าไฟล์รูปภาพ, วิดีโอ, เสียง, หรือเอกสารต่าง ๆ โดยไฟล์เหล่านี้จะถูกจัดเก็บใน Media Library ซึ่งคุณสามารถค้นหาและนำมาใช้งานได้ในภายหลัง นามสกุลไฟล์ที่รองรับได้แก่ .jpg, .png, .gif, .mp4, .pdf และอื่น ๆเมื่ออัปโหลดไฟล์แล้ว คุณสามารถใช้ปุ่ม Add Media ขณะสร้างหรือแก้ไขเนื้อหา เพื่อแทรกไฟล์สื่อเหล่านั้นในหน้าเว็บหรือโพสต์บล็อกของคุณ

การจัดการรูปภาพและนามสกุลไฟล์

ก่อนอัปโหลดรูปภาพ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปภาพมีขนาดที่เหมาะสมและอยู่ในนามสกุลที่รองรับ เช่น .jpg หรือ .png รูปภาพที่มีขนาดเล็กเกินไปอาจทำให้คุณภาพไม่ดี แต่หากมีขนาดใหญ่เกินไป อาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้า

หลังจากอัปโหลดรูปภาพ คุณสามารถตั้งค่า Alt Text ซึ่งเป็นข้อความอธิบายภาพที่ช่วยในการทำ SEO และทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่มีความต้องการพิเศษ

หากต้องการแก้ไขขนาดหรือครอบตัดรูปภาพ WordPress มีเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพที่เรียบง่าย คุณสามารถไปที่ Media Library และคลิกเลือกไฟล์รูปภาพที่ต้องการแก้ไข แล้วเลือก Edit Image เพื่อทำการครอบตัด หมุน หรือปรับขนาด

4. Google Search Console

Google Search Console ช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับปรุงการปรากฏของเว็บไซต์บน Google Search

วิธีการเข้าใช้งาน Google Search Console

  1. ไปที่ Google Search Console
  2. คลิก “เริ่มต้นใช้งาน” และล็อกอินด้วยบัญชี Google ของคุณ
  3. เพิ่ม property ของเว็บไซต์คุณ (ใช้ URL หรือ Domain)
  4. ยืนยันความเป็นเจ้าของเว็บไซต์ตามวิธีที่ Google แนะนำ

5. Google Analytics

Google Analytics ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์และวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์

  1. วิธีการเข้าใช้งาน Google Analytics:
  2. ไปที่ Google Analytics
  3. คลิก “เริ่มการวัดผล” และล็อกอินด้วยบัญชี Google ของคุณ
  4. ตั้งค่า property สำหรับเว็บไซต์ของคุณ
  5. คัดลอก tracking code และติดตั้งบนเว็บไซต์ (หรือใช้ปลั๊กอิน WordPress)

การใช้งานพื้นฐาน Google Analytics:

  1. ดูภาพรวมผู้เข้าชม: จำนวนผู้เข้าชม, หน้าที่มีคนดูมากที่สุด, เวลาเฉลี่ยบนเว็บไซต์
  2. ตรวจสอบแหล่งที่มาของทราฟฟิก: ไปที่ “การเข้าชม” > “ภาพรวม”
  3. ดูข้อมูลประชากรศาสตร์: อายุ, เพศ, ที่อยู่ของผู้เข้าชม
  4. ตั้งค่าเป้าหมาย: ไปที่ “ผู้ดูแลระบบ” > “เป้าหมาย” เพื่อติดตามการแปลงผล

โดยการใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถจัดการและพัฒนาเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อทีมสนับสนุนของเรา