แนะนำให้รู้จัก WordPress
WordPress คืออะไร
WordPress คือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและไม่ต้องเขียนโค้ดใดๆ (Zero Code) คุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ เพิ่มบทความ รูปภาพ และจัดการเนื้อหาทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมเลยก็ตาม
Zero Code: หมายถึงการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันโดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ทำให้ผู้ที่ไม่มีทักษะทางเทคนิคสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
ทำไมควรใช้ WordPress
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
ใครๆ ก็สามารถดาวน์โหลด WordPress มาใช้งานได้ฟรี เพราะเป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส (Opensource) จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างโปรแกรมเมอร์ เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเองทันที - ไม่ต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยาก
WordPress ช่วยให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย แม้ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด ด้วยการใช้ส่วนประกอบที่เตรียมไว้ให้แล้ว คุณสามารถลากและวางชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อสร้างเว็บไซต์ได้ตามที่ต้องการ - มีฟังก์ชันมากมาย
WordPress มีปลั๊กอินที่หลากหลายจากนักพัฒนาทั่วโลก ซึ่งทำให้เราสามารถเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ บนเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เช่น ระบบอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) หรือระบบจอง (Booking) เพียงค้นหาและติดตั้งปลั๊กอินที่ต้องการ - อัปเดตเนื้อหาได้ง่าย
WordPress ใช้งานง่ายและรองรับทุกอุปกรณ์ คุณสามารถเพิ่มข้อมูลหรืออัปเดตเนื้อหาได้ทุกที่ ทุกเวลา และหากเกิดข้อผิดพลาดในการแก้ไขหรือเผลอลบข้อมูล WordPress ยังมีฟังก์ชันรีสโตร์ (Restore) ที่ช่วยกู้คืนเนื้อหาเดิมได้อีกด้วย - มีธีมให้เลือกเยอะ ดีไซน์สวยงาม
WordPress มีธีมมากมายที่ออกแบบอย่างสวยงามให้เลือกใช้ หากคุณไม่มีไอเดียในการออกแบบเว็บไซต์ สามารถเลือกใช้เทมเพลตที่พร้อมใช้งานได้ทันที ช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามตามจินตนาการเป็นเรื่องง่าย - ทำ SEO ได้ง่าย
WordPress มีฟังก์ชันสำหรับการทำ SEO ที่ครบวงจร พร้อมด้วยโครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับการเก็บข้อมูลของ Google ทำให้การทำ SEO บน WordPress เป็นเรื่องง่าย แม้คุณจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ - คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์
- Opensource
ซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงและใช้งานได้ฟรี โดยโค้ดของโปรแกรมจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ สามารถดาวน์โหลด นำไปแก้ไข และปรับปรุงได้ตามความต้องการ - Plugin
ส่วนขยายที่เพิ่มฟังก์ชันหรือความสามารถใหม่ๆ ให้กับเว็บไซต์ WordPress โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติม - Theme
เทมเพลตที่ใช้สำหรับกำหนดลักษณะหน้าตาของเว็บไซต์ ทั้งในแง่ของการออกแบบและการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ - SEO (Search Engine Optimization)
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นในการค้นหาและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
- Opensource
ใช้ WordPress สร้างเว็บอะไรได้บ้าง
WordPress สามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่เว็บไซต์บริษัท, ร้านค้าปลีก, ไปจนถึงเว็บที่ซับซ้อนอย่าง Marketplace หรือคอร์สเรียนออนไลน์ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์บริษัทที่เน้นการแสดงข้อมูล (Information-based) หรือเว็บร้านค้าที่ขายสินค้าของตัวเองโดยเฉพาะ WordPress ทำได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการสร้างเว็บที่มีความซับซ้อนมาก เช่น Marketplace ที่มีผู้ขายหลายราย, การจัดการระบบที่ซับซ้อน, หรือเว็บประกาศขายบ้าน WordPress อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เหตุผลคือ:
- เว็บไซต์ร้านค้าเดี่ยว
WordPress เหมาะกับเว็บที่ขายสินค้าของตัวเอง ซึ่งเราสามารถจัดการทุกอย่างได้เอง ตั้งแต่การโพสต์สินค้า การเก็บเงิน ไปจนถึงการจัดส่ง - Marketplace
เว็บที่มีผู้ขายหลายรายต้องการระบบที่ซับซ้อนขึ้น เช่น สิทธิในการจัดการสินค้า การตรวจสอบยอดเงิน การจัดส่ง ซึ่งทำให้ WordPress ไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในลักษณะนี้ - ระบบซับซ้อน
WordPress เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่พัฒนาร่วมกันทั่วโลก ซึ่งมีการเขียนธีมและปลั๊กอินหลากหลาย แต่เมื่อใช้งานร่วมกันอาจเกิดปัญหาการเข้ากันไม่ได้ของธีมและปลั๊กอิน ทำให้ระบบเกิดข้อผิดพลาดได้
ดังนั้น หากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์บริษัทที่เน้นการแสดงข้อมูล หรือเว็บไซต์บริษัท WordPress จะเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการระบบที่ซับซ้อน เช่น Marketplace คุณอาจต้องพิจารณาแพลตฟอร์มหรือโซลูชันอื่นที่เหมาะสมกว่าครับ
คำอธิบายเพิ่มเติม Marketplace (มาร์เก็ตเพลส) คือเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้ขายหลายรายนำสินค้ามาวางขายในที่เดียว เช่น Lazada หรือ Shopee ซึ่งต้องการระบบจัดการที่ซับซ้อนกว่าการขายสินค้าแบบร้านค้าเดี่ยว
ความแตกต่างระหว่าง
WordPress.com กับ WordPress.org
WordPress มีให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ WordPress.com และ WordPress.org ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเข้าใจถึงความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้ WordPress ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณ
1.WordPress.com เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการครบวงจร (One Stop Service) ซึ่งรวมทุกสิ่งที่คุณต้องการในการสร้างเว็บไซต์ โดยคุณสามารถเริ่มใช้งานได้ฟรี ซึ่งเว็บไซต์ที่สร้างฟรีจะมีโดเมนเนมเป็น yourname.wordpress.com การใช้งานแบบฟรีนี้เหมาะสำหรับการสร้างเว็บบล็อกหรือเว็บที่เน้นการให้ข้อมูล ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของฟังก์ชันการทำงานและการปรับแต่ง หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่มีชื่อโดเมนเป็นของตัวเอง คุณสามารถจดโดเมนผ่าน WordPress.com และอัปเกรดแพ็กเกจเป็นแบบเสียเงิน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณปีละ 10,000 บาทต่อ 1 เว็บไซต์ โดยแพลตฟอร์มจะดูแลทุกอย่างให้ ทั้งการอัปเดตเครื่องมือและการรักษาความปลอดภัย
-
-
-
-
- ข้อดี ของ WordPress.com คือ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดตหรือการดูแลระบบ เพราะทุกอย่างถูกจัดการโดยแพลตฟอร์ม
- ข้อเสีย คือต้นทุนในการใช้งานแบบเสียเงินค่อนข้างสูง และหากคุณต้องการสร้างหลายเว็บไซต์ WordPress.com อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่านัก
-
-
-
2.WordPress.org เป็นซอฟต์แวร์ฟรีที่คุณสามารถดาวน์โหลดและนำไปใช้สร้างเว็บไซต์ของคุณเอง แต่คุณต้องจดโดเมนและเช่าโฮสต์เอง จากนั้นจึงติดตั้ง WordPress ลงไป หมายความว่าคุณต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด
-
-
-
-
- ข้อดี ของการใช้ WordPress.org คือมีต้นทุนที่ถูกกว่าการสร้างเว็บไซต์ โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ค่าโดเมนและค่าโฮสติ้งเท่านั้น ซึ่งโฮสติ้งเริ่มต้นส่วนใหญ่มักมีค่าใช้จ่ายเพียง 1,000 – 2,000 บาทต่อปี และสามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลายเว็บภายใต้โฮสต์เดียวกัน
- ข้อเสีย คือ คุณต้องจัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ทั้งการติดตั้ง การอัปเดต การดูแลระบบ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคพอสมควร
-
-
-
คำอธิบายเพิ่มเติม
- โดเมน (Domain Name)
คือชื่อที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตที่เราใช้เพื่อระบุ และเข้าถึงเว็บไซต์ เช่น www.yourbusiness.com โดเมนจะเป็นเอกลักษณ์และจดทะเบียนโดยไม่ซ้ำกับใคร - โฮสติ้ง (Hosting)
คือพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์ที่เราเช่าเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์ เช่น ไฟล์ รูปภาพ และฐานข้อมูล โฮสติ้งมีหลายประเภทและราคาแตกต่างกันไปตามขนาดและความสามารถในการรองรับเว็บไซต์